มะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่เกิดจากปอดซึ่งเป็นอวัยวะที่มีลักษณะคล้ายฟองน้ำสองอันภายในผนังหน้าอก มะเร็งปอดมีหลายประเภท แต่ที่พบบ่อย ได้แก่
- มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก (NSCLC): สามารถพบได้ประมาณ 80-85% ของมะเร็งปอดทั้งหมดและในกลุ่มนี้ยังมีมี 3 ชนิดย่อยที่รู้จักกันมากที่สุด ได้แก่ squamous cell carcinoma adenocarcinoma และ large cell carcinoma
- มะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (SCLC): สามารถพบได้ประมาณ 10-15% ของมะเร็งปอดทั้งหมด แต่มักจะแพร่กระจายเร็วมาก ประมาณ 70% ของผู้ที่ได้รับ SCLC ได้รับการวินิจฉัยในระยะที่ 4 เมื่อมะเร็งแพร่กระจายไปแล้ว
ตามสถิติแล้วมะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับสองของโลกและเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งทั่วโลก มะเร็งปอดกลายเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในทั้งสองเพศ
The American Cancer Society ประมาณการตัวเลขสำหรับผู้ป่วยมะเร็งปอดในสหรัฐอเมริกาสำหรับปี 2020 ดังนี้:
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดรายใหม่ 228,820 ราย (ผู้ชาย 116,300 คนและผู้หญิง 112,520 คน)
- ผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดประมาณ 135,720 คน (ผู้ชาย 72,500 คนและผู้หญิง 63,220 คน)
อย่างไรก็ตามด้วยโปรแกรมการตรวจคัดกรองและขั้นตอนการรักษาในปัจจุบัน มะเร็งปอดทั้งสองชนิดสามารถรักษาได้หากได้รับการตรวจพบในระยะแรก
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปอดคืออะไร?
- การสูบบุหรี่: ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดสำหรับมะเร็งปอดคือการสูบบุหรี่
- การสูบบุหรี่มือสอง: การสูบบุหรี่มือสองเป็นอันตรายพอ ๆ กับการสูบบุหรี่โดยตรง หมายถึงการสูดควันจากผู้สูบบุหรี่รายอื่น
- การสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง: การสัมผัสกับสารอันตรายเช่นเรดอน แร่ใยหิน และสารอื่น ๆ เช่นสารหนูทำให้คุณเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด
- การฉายแสง: การได้รับการรักษาด้วยการฉายแสงสำหรับมะเร็งอีกชนิดที่บริเวณหน้าอกจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอด
- ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด: พันธุกรรมเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับมะเร็งหลายชนิด มะเร็งปอดเป็นหนึ่งในนั้น การมีญาติระดับแรกที่เป็นโรคนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากญาติได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่อายุน้อยจะเพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งปอดของคุณด้วย
- ประวัติส่วนตัวของมะเร็งปอด: การได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดก่อนหน้านี้จะเพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งปอดอีกครั้ง
มะเร็งปอดเกิดจากอะไร?
แม้ว่าการสูบยาสูบจะถูกระบุว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปอด แต่นักวิจัยพบว่าการสูบยาสูบนั้นสามารถนำไปสู่มะเร็งปอดได้แม้จะไม่ใช่สาเหตุที่แน่ชัดก็ตาม โดยมีผู้ป่วยที่สูบยาสูบกว่า 80% ที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอด
เป็นที่ยอมรับกันดีว่าการกลายพันธุ์ของยีนอาจเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอของเซลล์ปอดไปเป็นเซลล์มะเร็งได้ อย่าลืมว่ามะเร็งเริ่มจากเซลล์เดียวก่อนจะแพร่กระจายและเติบโต ยีนสองชนิดอาจรบกวนความสามารถนั้น สิ่งเหล่านี้คือยีนก่อมะเร็งและยีนต้านเนื้องอก การเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่นำไปสู่การกลายพันธุ์ของเซลล์อาจเกิดจากการสืบทอดทางกรรมพันธ์ุหรือเกิดขึ้นจากการกระตุ้นจากปัจจัยอื่น ๆ
สัญญาณและอาการของมะเร็งปอด:
โดยปกติแล้วมะเร็งปอดจะไม่แสดงอาการและอาการจะปรากฏขึ้นเมื่อมะเร็งลุกลาม
อาการและสัญญาณอาจมีดังต่อไปนี้:
- ไอต่อเนื่องและรุนแรง
- ไอเป็นเลือด
- เจ็บหน้าอก
- เสียงแหบ
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- เบื่ออาหาร
- อ่อนเพลียและอ่อนแอ
- หายใจลำบาก (หายใจถี่)
- หายใจหอบ (มีเสียงหวีดเมื่อคุณหายใจ)
- การติดเชื้อในปอด
- ปวดกระดูก ประสาทสัมผัสเกิดการเปลี่ยนแปลง และดีซ่านหากมีการแพร่กระจาย
- ต่อมน้ำเหลืองบวม ถ้ามีการแพร่กระจาย
วินิจฉัยมะเร็งปอดได้อย่างไร?
มะเร็งปอดสามารถวินิจฉัยได้จากสิ่งใดสิ่งหนึ่งดังต่อไปนี้
- การฉายภาพ: การทำ CT scan หรือ X-Ray สามารถระบุได้ว่ามีความเสียหายหรือชิ้นเนื้อในปอดหรือไม่
- การตรวจหาเซลล์มะเร็งในเสมหะ: หากมีเสมหะที่เกิดจากการไออย่างต่อเนื่อง การทดสอบเสมหะโดยการใช้กล้องจุลทรรศน์จะมีประโยชน์ในการตรวจหาเซลล์มะเร็ง
- การตรวจชิ้นเนื้อด้วยเข็ม (ตัวอย่างเนื้อเยื่อ): การเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อในปอดเพื่อระบุลักษณะของชิ้นเนื้อและชนิดของมะเร็งหากได้รับการยืนยัน
- การส่องกล้องหลอดลม: ใช้หลอดไฟส่องผ่านลำคอและเข้าไปในปอดเพื่อค้นหาเซลล์ที่ผิดปกติ
- การส่องกล้องดูเมดิแอสตินั่ม: การสอดเครื่องมือพิเศษผ่านรอยผ่าเล็ก ๆ (แผล) ที่ปลายคอเพื่อเก็บตัวอย่างต่อมน้ำเหลืองหากมีข้อสงสัยว่าเป็นมะเร็ง
การรักษามะเร็งปอด:
หลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดแล้วแพทย์ของคุณจะกำหนดระยะของโรค แพทย์จะหารือกับคุณเกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาของคุณอ้างอิงจากสถานะสุขภาพ ประวัติการักษาและระยะของโรค
ตัวเลือกการรักษา ได้แก่ :
- การผ่าตัด: การผ่าตัดมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของมะเร็งโดยอาจมีดังต่อไปนี้
- Pneumonectomy: เอาปอดออกทั้งหมด
- Lobectomy: เอาปอดทั้งกลีบออก
- การผ่าตัดแยกส่วน: เอาปอดส่วนที่ใหญ่กว่าออก แต่ไม่ใช่ทั้งกลีบ
- การผ่าตัดแบบลิ่ม: เอาส่วนเล็ก ๆ ของปอดที่มีเนื้องอกออกพร้อมกับขอบของเนื้อเยื่อที่แข็งแรง
- เคมีบำบัด: การใช้ยาบางชนิดเพื่อฆ่ามะเร็ง ซึ่งสามารถรับได้ทั้งทางหลอดเลือดดำหรือทางปาก อาจเป็นยาตัวเดียวหรือยาสองตัวผสมกันในช่วงเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
- รังสีรักษา: ใช้ลำแสงพลังงานสูงจากแหล่งต่างๆเช่นรังสีเอกซ์และโปรตอนเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง สามารถใช้เดี่ยว ๆ หรือใช้ร่วมกับเคมีบำบัด
- การรักษาด้วยยาตามเป้าหมาย: การใช้ยาบางชนิดเพื่อกำหนดเป้าหมายความผิดปกติที่มีอยู่ภายในเซลล์มะเร็ง
- ภูมิคุ้มกันบำบัด: ใช้เซลล์ภูมิคุ้มกันหรือยาบางชนิดที่กระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันให้ฆ่าเซลล์มะเร็ง
- การรักษาทางเลือก: การใช้ทางเลือกอื่น ๆ ตามหลักวิทยาศาสตร์เพื่อโจมตีเซลล์มะเร็ง
วิธีการป้องกันมะเร็งปอด
ไม่มีวิธีที่ยืนยันได้ในการป้องกันมะเร็งปอด แต่การลดปัจจัยเสี่ยงสามารถลดโอกาสในการเกิดมะเร็งปอดได้
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- หยุดสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่มือสอง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับก๊าซก่อมะเร็ง
- ทดสอบค่าสารก่อมะเร็งเรดอนภายในบ้าน
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ออกกำลังกายเกือบทุกวันในสัปดาห์
แหล่งอ้างอิง